จากกรณีที่แอนนา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กรณีสื่อโซเชียลมีเดียแฉว่าเจ้าตัวขายกล่องสุ่ม แต่เป็นกล่องสุ่มทิพย์ ไม่ได้ส่งของให้ลูกค้าจริง มีเหยื่อนับร้อยคน ความเสียหายร่วม 200 ล้านบาท ผ่านไปไม่นานเจ้าตัวก็ไลฟ์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ใช่กล่องสุ่ม เพราะระบุรายละเอียดชัดเจนว่าใส่อะไรในกล่อง และมูลค่าความเสียหายก็ไม่ถึง 200 ล้านบาท
โดยแอนนา เดินทางมาถึง บก.สอท.1 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หลังมีผู้เสียหายซื้อกล่องสุ่มทองคำ
สำหรับพฤติกรรมที่ถูกแจ้งความ คือ เมื่อประมาณเดือนกันยายนปี 2565 ได้นำทองที่เป็นของสมนาคุณให้กับคนที่ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมความงาม จึงมีการนัดแจกทอง ซึ่งเอกสารเบื้องต้นดูในการซื้อทองพบว่ามีการซื้อทองหลายล้านบาท เบื้องต้น แอนนา ถูกแจ้งข้อหา เรื่องฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมฯ
ต่อมา 15.00 น. แอนนา เผยว่า ตนเองขอยืนยันไม่มีเจตนาฉ้อโกงประชาชนอย่างแน่นอน แต่เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมีปัญหาธุรกิจ และยืนยันคำเดิมว่า ตนเองบริหารธุรกิจผิดพลาด และอยากให้เป็นอุทาหรณ์กับแม่ค้าออนไลน์ว่า ควรทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ดี ตนเองมีนิสัยชอบแจก ชอบคืนกำไรจนติดเป็นนิสัยมาตลอด และไม่ยอมทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ดี จนไม่รู้ว่าจะขาดทุน ช่วงปีที่แล้วการทำธุรกิจยังมีกำไรอยู่ แต่มาปีนี้กำไรน้อยลง ตนเองจึงประกาศกับลูกค้าว่า จะเลิกทำแล้วและรู้สึกว่าการให้กำไรแบบนี้ตนเองก็คงไม่ไหว ปัญหาเรื่องนี้เริ่มจากการส่งของล่าช้า และพอส่งของล่าช้า ปัญหาคือลูกค้าบางคนรอได้ บางคนก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สินค้าที่สั่ง ซึ่งเรื่องทั้งหมดตนเองเข้าใจและขอโทษลูกค้าทุกคน ไม่มีเจตนาที่จะมาส่งของให้ไม่ส่งของให้ใคร เพราะตัวเองก็เคยซื้อของแล้วก็อยากได้ของเช่นกัน
ส่วนเรื่องทองหาย 4 ล้าน ตนเองก็มีใบแจ้งความ สน.คันนายาว ทุกอย่างที่พูดไม่ได้อ้างไปวันๆ ทุกอย่างมีหลักฐาน แมสเซนเจอร์ ปกติเวลามารับของ เขาก็ไม่ทราบว่า มันเป็นทอง แต่ตนเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น เพราะนอนหลับอยู่ตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าทองหายหมดเลย วันนั้น คือ 24 กันยายน 65 ช่วงเวลา ตี 2 ซึ่งก็เริ่มใจไม่ดี เพราะในนั้นเป็นทองมูลค่า 4 ล้านบาท ซึ่งปกติให้แมสเซ็นเจอร์คนนี้ส่งมาตลอด ซึ่งแมสเซ็นเจอร์ อ้างว่า เอาทองไปส่งตอนตี 2 แล้วรถล้ม แล้วแมสเซ็นเจอร์ก็หายไปเลย ซึ่งตนเองก็ถามกลับไปอีกครั้งว่า เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ซึ่งเขาก็บอกว่ามีปัญหานิดหน่อย เพราะเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่ได้พูดถึงทอง ซึ่งตนเองก็ถามย้ำว่าเรื่องทองเรียบร้อยหรือไม่ ซึ่งทางแมสเซ็นเจอร์ อ้างว่า ทองหายหมดเลย และตนเองทราบว่า ช่วงหลังๆ แมสเซ็นเจอร์คนนี้ เริ่มทราบแล้วว่า ของที่ส่งเป็นทองแน่นอน
เรื่องนี้ตนเองรู้สึกนอยมาก เพราะแมสเซ็นเจอร์คนนี้เป็นคนที่เข้าออกบ้านจนไว้วางใจมาเป็นปี ตำรวจสอบปากคำ แมสเซ็นเจอร์หนักมาก ก็เขาก็ไม่ยอมรับ แต่สุดท้ายแล้ว แม่ของแอนนาก็บอกว่ามันเป็นกรรม และขอให้แมสเซ็นเจอร์ชดใช้กรรมไป ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็มองว่า เวรกรรมก็เป็นเวรกรรมของตัวเองด้วย ที่กระทบถึงในวันนี้ ที่ดำเนินคดีกับเขาวันนั้น อยากให้สังคมช่วยขุดเรื่องนี้ อยากให้สังคมรื้อฟื้นเรื่องนี้ให้หน่อย ไปไล่กล้องให้หน่อย ซึ่งถ้าหากพบ ไม่ต้องเอามาคืนให้แอนนาก็ได้แต่ขอให้มาเป็นพยานให้หน่อย เพราะหลังจากที่ทองหายในวันนั้น มันส่งผลกระทบมาจนถึงวันนี้ จนกลายเป็นเรื่องราวในวันนี้
ล่าสุดทางด้านแมสเซนเจอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าทำทองหาย4ล้านบาท ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่า ปกติตัวเองทำงานขี่จักรยานยนต์ส่งของเป็นอาชีพอยู่แล้ว จนได้มารับส่งพัสดุให้แอนนาราว 1 ปี ส่วนใหญ่จะติดต่อผ่าน แฟนของแอนนา ช่วงหลังมีการให้ไปรับทองคำจากร้านทอง เป็นลักษณะทองแท่งที่ใส่ในกล่องสุ่มด้วย วันเกิดเหตุ แฟนแอนนาโทรมาบอกให้ซื้อแชมเปญเข้าไปที่บ้าน ไปถึงไม่เจอแอนนาเจอแต่แฟนแอนนา และแอดมินเพจ จากนั้นถูกชวนให้นั่งดื่มด้วยกันก่อนเพราะฝนตก เขาดื่มเบียร์ไป 4 กระป๋อง ดื่มเหล้านิดหน่อย และเวลา ตี 2 เขายอมรับว่าตัวเองอยู่ในสภาพมึนเมาแต่ก็ได้ขี่จักรยานยนต์ออกจากบ้านแอนนา เพื่อไปส่งของเป็นกล่องพัสดุเล็กๆ หลายกล่องใส่รวมในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ ไม่ได้ถามว่าคืออะไร แมสเซนเจอร์ขี่รถมุ่งหน้าไปที่ไปรษณีย์หลักสี่ แจ้งวัฒนะ ซึ่งเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง แต่ระหว่างทางรู้สึกไม่ได้สติ แล้วเกิดรถล้มแถวสะพานข้ามแยก กม.6 รู้ตัวอีกทีที่โรงพยาบาล
เที่ยงวันเดียวกัน แมสเซนเจอร์ เล่าว่า แฟนของแอนนาติดต่อมาบอกว่าให้ไปช่วยเก็บของด้วยที่บ้าน โดยไม่ได้ถามเรื่องของที่เอาไปส่ง ตัวเองจึงส่งรูปสภาพฟันหัก แผลเต็มหน้ากลับไปให้ดูว่ารถล้ม และบอกให้อีกฝ่ายรีบไปดู “รถกับของซึ่งอยู่ในกระเป๋าติดหลังรถ ที่ สน.คันนายาว ต่อมา “แม็ก” จึงบอกเขาว่าของที่ให้ไปส่งคือ ทองคำมูลค่า 4 ล้านบาท พยายามบอกให้สารภาพ และเอาของมาคืน เขาตกใจมากและได้ยืนยันกลับไปว่าไม่ได้เอาไป”
ซึ่งทางแมสเซนเจอร์ เปิดหลักฐานที่พยายามติดต่อทางฝ่ายแอนนา ผ่านไลน์ของแฟนแอนนาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน 65 ต้นเดือนตุลาคม 65 ต้นเดือนพฤศจิกายน 65 เขาทิ้งเบอร์ของภรรยาไว้ เพราะโทรศัพท์พัง แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้เลย ข้อความท้ายๆที่ส่งไป วันที่ 7 พฤศจิกายน คือ รับสายหน่อยพี่ ผมมา สน. กับ (ชื่อลูกสาว) มันรอจนงอแงแล้ว
ระหว่างนั้นตัวเองไป สน.คันนายาวบ่อยมาก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่ที่สำคัญคือกังวลเรื่องทองที่ไม่รู้ว่ามีจริงมั้ย และหายไปได้ยังไงกันแน่ นอกจากนั้นคือการหาหลักฐาน ซึ่งปรากฎว่าตำรวจไปพบว่าระหว่างทางก่อนรถจะล้ม มี รถ จยย. คันหนึ่งขับตามมาเป็นระยะ ส่วน กล้องวงจรปิด ที่บ้านของแอนนา ตำรวจได้ไปขอมาตรวจสอบแล้ว แต่ได้คำตอบว่า กล้องเสีย จนมารู้ข่าวอีกทีคือวันนี้ที่แอนนาไปให้ปากคำกับตำรวจและพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
เรียบเรียง สยามนิวส์